ไวรัสโควิด 19 ต่างประเทศรณรงค์ ไม่ให้ใส่ หน้ากากอนามัย แต่คนไทยควรใส่มั้ย

ทำไมต่างประเทศรณรงค์ไม่ให้ใส่ “หน้ากากอนามัย”
สื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงขึ้นจนกลายเป็นประเทศเสี่ยงติดเชื้ออย่างสิงคโปร์ รวมถึง WHO หรือ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า คนที่ควรใช้ “หน้ากากอนามัย” คือคนที่กำลังป่วยเป็นไข้หวัด มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล รวมถึงคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ หน้ากากอนามัยออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ละอองน้ำลายที่เกิดจากการไอ จาม กระจายตัวออกมาและสามารถแพร่เชื้อไวรัสไปยังคนที่ร่างกายปกติดีได้ ดังนั้นคนที่ “จำเป็น” ต้องใส่หน้ากากอนามัยจริงๆ ก็คือคนที่กำลังป่วย มีไข้ เป็นหวัด ไม่สบายอยู่นั่นเอง (ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัดประเภทใดก็ตาม) และคนที่มีสุขภาพแข็งแรงดีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัยแต่อย่างใด

อันตรายจากการใส่หน้ากากอนามัย ทั้งที่ไม่ได้ป่วย
นอกจากคนที่มีสุขภาพแข็งแรงจะไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังมีความเห็นว่า การใส่หน้ากากอนามัยของผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงดียังอาจเป็นการเพิ่มการติดเชื้อไวรัสมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้ โดย Dr. Eli Perencevich อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ และระบาดวิทยา มหาวิทยาลัยการแพทย์ไอโอวา กล่าวกับเว็บไซต์ Forbes ว่า “คนธรรมดาที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงตามปกติไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย และไม่ควรใส่ด้วย เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการใส่หน้ากากอนามัยสามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้จริงๆ ยิ่งถ้าหากสวมใส่อย่างผิดวิธี ยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อได้มากขึ้น เพราะผู้สวมใส่อาจเอามือสัมผัสใบหน้าบ่อยขึ้นกว่าเดิม”

นอกจากนี้ยังระบุอีกด้วยว่า ถึงแม้จะคนปกติจะใส่หน้ากากอนามัยและพยายามไม่เอามือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าระหว่างวัน ก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ดี นั่นเป็นเพราะว่าหน้ากากอนามัยถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของละอองน้ำลายจากการไอ จาม ออกไปสู่ภายนอก ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ละอองน้ำลายเข้าสู่จมูก ปาก หรือทางเดินหายใจของเรา หากต้องการหน้ากากที่ป้องกันไม่ให้ละอองน้ำลายของผู้ป่วยเข้าสู่ร่างกายของเราได้จริงๆ ต้องเป็นหน้ากากอนามัยที่บุคลากรทางการแพทย์ใช้เมื่อต้องทำการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อรุนแรง อย่างหน้ากากชนิด N95 หรือ FFP2 ขึ้นไป รวมไปถึงอุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ (respirator) ที่สามารถป้องกันอนุภาคขนาดเล็กต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เช็กชนิดของหน้ากากได้ที่เว็บไซต์ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐอเมริกา)

 

สรุปเรื่อง ไวรัสโคโรนา หรือ โควิด 19 คืออะไร อาการโควิด 19

ไวรัสโคโรนา หรือไควิด-19 คืออะไร ?
ไวัรสโคโรนา (Coronavirus) เป็นไวรัสที่ถูกพบครั้งแรกในปี 1960 แต่ยังไม่ทราบแหล่งที่มาอย่างชัดเจนว่ามาจากที่ใด แต่เป็นไวรัสที่สามารถติดเชื้อได้ทั้งในมนุษย์และสัตว์ ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดหนักทั่วโลกตอนนี้เป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน คือ สายพันธุ์ที่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็น “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” และในภายหลังถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “โควิด-19” (COVID-19) นั่นเอง ดังนั้น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และไวรัสโควิด-19 จึงหมายถึงไวรัสชนิดเดียวกัน

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสโควิด-19 มาจากไหน ?
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสโควิด-19 แรกเริ่มเดิมทีถูกค้นพบจากสัตว์ก่อน โดยเป็นสัตว์ทะเลที่มีการติดเชื้อไวรัสนี้แล้วคนที่อยู่ใกล้ คลุกคลีกับสัตว์เหล่านี้ก็ติดเชื้อไวรัสมาอีกที โดยเริ่มจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยมีข้อสงสัยว่ามาจากตลาดที่ค้าขายสัตว์ทะเล และสัตว์หายากเหล่านี้

อาการเมื่อติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสโควิด-19
อาการที่สังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองมี 5 อาการหลัก ๆ ด้วยกัน ดังนี้

มีไข้

เจ็บคอ

ไอแห้ง ๆ

น้ำมูกไหล

หายใจเหนื่อยหอบ
ทางด้านแพทย์อาจจะตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยการเอกซ์เรย์ปอด แล้วพบว่าปอดบวมอักเสบร่วมด้วย หากมีอาการหนักมาก ๆ (พบว่าติดเชื้อในระยะหลัง ๆ แล้ว) อาจอันตรายถึงอวัยวะภายในต่าง ๆ ล้มเหลว